บันทึกไว้ในความทรงจำ-สู่สรวงสวรรค์ "เหยี่ยวดำ"ตำนานมือปราบผู้ทรงคุณค่า

Last updated: 23 ก.ค. 2567  |  5625 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บันทึกไว้ในความทรงจำ-สู่สรวงสวรรค์ "เหยี่ยวดำ"ตำนานมือปราบผู้ทรงคุณค่า

ขอดวงวิญญาณสู่สรวงสวรรค์...บันทึกไว้ในความทรงจำ พ.ต.อ.บรรดล ตัณฑไพบูลย์ “เหยี่ยวดำ” ตำรวจมือปราบผู้ยิ่งใหญ่ ตำนานสืบเหนือ-โปลิศผู้ทรงคุณค่า ขอให้ผลบุญที่ทำส่งผลให้ท่านไปสู่สุขคติที่สัมปรายภพด้วยเทอญ

-ตื่นมาเห็นไลน์จากเพื่อนสื่อแจ้งข่าวร้าย บุคคลอันเป็นที่เคารพรัก พ.ต.อ.บรรดล ตัณฑไพบูลย์ ฉายา“เหยี่ยวดำ”มือปราบตี๋ใหญ่ จากไปอย่างสงบช่วงเย็นวันที่ 12 ก.ค.ที่โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยโรคมะเร็งปอด สิริอายุ 75ปี 10 เดือน...ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับ"ครอบครัวตัณฑไพบูลย์”กับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง...ตัวข้าพเจ้าเองในฐานะอดีตสื่อมวลชนที่เคยรู้จักมักคุ้นให้ความรักความเคารพท่านมาโดยตลอดรู้สึกสูญเสียบุคคลอันทรงคุณค่าในฐานะอดีตตำรวจเช่นเดียวกัน...อีกทั้งท่านเป็นคนตั้งนามปากกาคอลัมน์ “คนดีของสังคม”เว็บฯเดลินิวส์ออนไลน์ที่ข้าพเจ้าสังกัดในอดีตว่า“เหยี่ยวขาว”จึงขออนุญาตเขียนเรื่องราวช่วงหนึ่งของชีวิตที่ได้ประสบพบเจอกับ“ยอดตำรวจมือปราบ” โปลิศน้ำดีที่อุทิศตัวทำงานเพื่อชาติ-ประชาชนมาตลอดชีวิต!!!



-นักข่าวตระเวนอาชญากรรม หรือเรียกว่านักข่าวตระเวนฯ ช่วงปี 43 ข้าพเจ้าได้รู้จักกับ พ.ต.อ. บรรดล ตัณฑไพบูลย์ ตอนนั้นท่านเป็น ผกก.สส.บก.น.9 (สืบ 9) ด้วยความที่ชื่นชอบการทำงานถึงลูกถึงคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดีใจมากที่ได้เจอตัวจริง...ต้องขอบคุณบุคคลสำคัญที่พานักข่าวน้องใหม่ไปแนะนำตัวกับท่านคือพี่อิ๋ว หรืออิ๋ว-อูซี่ ชื่อนี้รับรองว่าไม่มีนักข่าวตระเวนฯคนไหนไม่รู้จัก!! เจอหน้าท่านครั้งแรกประหม่าหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะคนที่นั่งข้างหน้าคือตำรวจมือปราบ ส่งคนชั่วไปเกิดใหม่แล้วไม่รู้กี่ราย...จะพูดจะจาอะไรต้องดูจังหวะจะโคนรักษามารยาทให้มากที่สุด!!!



-ท่านสอบถามว่าชื่ออะไร-เป็นนักข่าวใหม่,สำนักไหน-ดูแลพื้นที่ฝั่งธนฯเหรอ มีอะไรให้พี่ช่วยบอกนะ ฯลฯ...หลังจากคุยแนะนำตัวเป็นที่เรียบร้อย ผกก.บรรดล ก็ชวนกินข้าวกลางวันที่กองสืบฯ ตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะเพิ่งเป็นนักข่าวป้ายแดงมีโอกาสนั่งกินข้าวกับตำรวจระดับ ผกก.กองสืบถือว่าไม่ธรรมดา!! พื้นเพตัวเองเป็นคนกินง่าย-อยู่ง่ายในใจกังวลว่า ผกก.จะสั่งอะไรมากินว่ะทำตัวไม่ถูกถ้าเป็นอาหารแปลก ๆ แต่ที่เห็นบนโต๊ะในวันนั้นมันคือไข่เจียว ผัดกระเพราไก่ ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักรวม น้ำปลาพริก...สั่งจากร้านตามสั่งใต้ตึกกองสืบฯ...พี่อิ๋วสะกิดบอกว่า“นายแกของจริง ติดดินอยู่ง่ายกินง่ายไม่เรื่องมาก ประกบไว้ดีดีเวลามีข่าวอะไรเขาจะนึกถึงเรา” ต้องบอกก่อนในยุค น.ส.พ.รุ่งเรือง สื่อแต่ละสำนักจะวัดฝีมือกันตรงประเด็นข่าวลึก นักข่าวที่เจาะข้อมูลได้มากกว่าคนอื่นถือว่า“เก่ง”ใครตกข่าว-ตกประเด็นเช้าอีกวันรู้เรื่อง... ศัพท์เฉพาะคือ“เจอกันบนแผง” ตามมาด้วยเสียงโทรศัพท์ตำหนิ(ด่า)จากรีไรเตอร์ไม่ก็หัวหน้าข่าวที่โดน บก.ข่าวโวยมาก่อนหน้า....ผิดกับยุคนี้(ยุคโซเชียลฯข่าวออนไลน์)ทำงานสบาย-ไม่มีใครตกข่าว...ก็อปปี้ปูยี่ปูยำกันเละเทะ ศักดิ์ศรี-จรรยาบรรณ-ความละอายไม่ต้องพูดถึง...ไม่มีครับพี่น้อง!!!   


-เข้าเรื่องต่อ...เมื่ออยากได้ข้อมูลแหล่งข่าวที่ดีที่สุดต้องมาจากตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจกองสืบฯเป็นเรื่องจำเป็นที่นักข่าวทุกคนต้องทำความสนิทกับตำรวจให้ได้มากที่สุด...ตอนนั้นบอกได้คำเดียว“เหยี่ยวดำ”นี่แหละคือเป้าหมาย ยิ่งมาเห็นมาสัมผัสการดำเนินชีวิตยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ก่อนจากลามื้ออาหารวันนั้น พี่บรรดลยื่นนามบัตรแกให้ พร้อมบอกว่าเอานามบัตรเรามาแลกมีอะไรจะได้โทรฯติดต่อกัน เข้าเวรฯแวะมาหามาคุยกันบ้างนะ...หลังจากนั้นมาก็เข้า ๆออก ๆ กองสืบ 9 เกือบทุกวัน (ยกเว้นเวรดึกปักหลักห้องวิทยุ สน.ตลิ่งชัน) หากไม่ติดภารกิจเหตุด่วนในพื้นที่ เอา นสพ.ไปวางไว้ให้บนโต๊ะทำงาน ผกก.-ห้องสืบ และห้องวิทยุ ความสนิทก็เริ่มก่อตัวขึ้น!!!


-ไปสืบ 9 ไม่ได้เข้าไปในห้อง ผกก.ทุกครั้ง เกรงใจท่าน ส่วนใหญ่จะนั่งคุยกับป๋าที่ห้องวิทยุ มีเหตุอะไรค่อยวิ่ง (รถตระเวนฯ) จนวันหนึ่งพี่บรรดลเรียกเข้าไปที่ห้อง คุยกันเรื่องคดีต่าง ๆ ก่อนแกจะทักว่า"รู้นะมาที่กองสืบฯเกือบทุกวัน ทำไมไม่เข้ามานั่งห้องพี่ล่ะ ไม่ต้องเกรงใจคนกันเอง พี่ไม่อยู่ก็เข้ามานั่งได้บอกลูกน้องเปิดห้องให้ ที่กองฯรู้จักจำหน้าได้กันทุกคน ป๋าห้องวิทยุชมเรานะเป็นนักข่าวอ่อนน้อมไม่ถือตัวเจอหน้ายกมือไหว้แกตลอด ผิดกับบางคนไม่เอาตำรวจชั้นผู้น้อยให้ความสำคัญเฉพาะตำรวจยศสูง ๆ พี่มองออกหมดใครเป็นยังไงทำอะไร"!!!

-กระทั่งวันหนึ่งเกิดเหตุจับตัวประกันในสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดกำลังไปตามข่าวคดีหนึ่งอยู่ที่ สืบ 8 นั่งคุยกับ “พี่แต้ม”ฉายามือปราบหูดำ เสียงป๋าห้องวิทยุสืบ 9 ดังขึ้นบอกว่าอยู่ไหนน้อง ผกก.บรรดลให้โทรฯตามมีเหตุด่วนรีบไปเลยที่....เดี้ยวป๋าจะ ว.(วิทยุ)แจ้งนายระดับสูง!!ไม่รอช้ารีบลาพี่แต้มไปที่เกิดเหตุทันที ไม่นานพี่บรรดลก็เดินมาคุยด้วยบอกสถานการณ์ไม่ดีเลย มันจับตัวประกันไว้ในห้องบุกเข้าประชิดตัวลำบาก แต่คนก่อเหตุมันขอให้นักข่าวเข้าไปในห้อง 1 คน พี่ขอยืมบัตรนักข่าวหน่อยจะให้ลูกน้องห้อยคอปลอมตัวเข้าไป สุดท้ายก็ชาร์จตัวผู้ก่อเหตุได้สำเร็จ พี่บรรดลเดินเอาบัตรมาคืนพร้อมบอกว่าขอบใจมาก งานนี้ไม่มีสื่อได้ภาพขณะเกิดเหตุแม้แต่คนเดียว เป็นข่าวใหญ่ที่ นสพ.ต้องการภาพมาลงนำเสนอหน้า 1 สภาวะกดดันเกิดขึ้นทันที!! สายจากโรงพิมพ์โทรฯมาแทบไหม้ ภาพได้มั้ยๆๆๆๆๆๆๆๆ...พี่บรรดลเหมือนจะรู้เดินมาพร้อมกับกล้องถ่ายวิดีโอตัวเล็กที่ตำรวจสืบคนหนึ่งถ่ายจุดเกิดเหตุในห้องไว้ได้มายื่นให้ พร้อมบอกว่าเสร็จแล้วรีบเอากลับมาคืนพี่นะ...ปรากฏการณ์“เจอกันบนแผง”จึงเกิดตามมาในวันรุ่งขึ้น !!!  

-3 ปีเต็ม ๆ จากการคลุกคลีสัมผัสนิสัย-การทำงาน เห็นมาตลอดว่าท่านเป็นคนทำงานจริงจัง ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับหน้าที่ ทุกเหตุไม่ว่าผัวเมียตีกัน คนยิง-แทงกัน เหตุทะเลาะวิวาท เพื่อนบ้านทะเลากัน นักเรียน-นักเลง อุบัติเหตุ ฯลฯ พี่บรรดลจะมาตรวจที่เกิดเหตุเป็นประจำ เคยถามว่าพี่เป็นถึง ผกก.ต้องมาดูที่เกิดเหตุทุกเหตุเลยเหรอ ผมเข้าเวรดึกมาทำข่าวเล็กๆ ยังคิดว่าจะเป่าไม่ส่งโรงพิมพ์ยังมาเจอพี่อีก!! คำตอบที่แกบอกยังก้องในหูจนถึงปัจจุบัน “พี่เป็นตำรวจอาชีพ ไม่ใช่อาชีพตำรวจ เงินเดือนทุกบาททุกสตางค์ได้มาจากภาษีของประชาชน เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนก็ต้องมาดูมาช่วยเหลือเขา ที่สำคัญมาก ๆ บางครั้งเหตุบางอย่างอาจมีเงื่อนปมอะไรซ่อนเร้นอยู่ พี่ต้องมาดูให้แน่ใจว่าไม่ใช่การฆาตกรรม คดีเล็ก ๆ อย่ามองข้ามเด็ดขาด ทุกคดีมีคนเดือดร้อน-มีคนสูญเสีย เราเป็นตำรวจมีหน้าที่ดูแลตรงนี้ ต้องทำให้สมกับคำว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”!!!



-หลังเกษียณพี่บรรดลได้ไปบวชอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่กับครอบครัวใน จ.สระบุรี ผมเองเคยไปเยี่ยมเยียนที่ไร่เอาเต็นท์ไปกางนอน นั่งดื่มกินคุยเรื่องเก่า ๆ คดี“ตี๋ใหญ่”ประเด็นบางเรื่องที่ท่านเล่าให้ฟังมันสุดจริง ๆ อีกทั้งความเจ็บปวดที่สุดที่ท่านได้รับราชการมา คำสั่งอัปยศ...พี่เป็นนักสืบ สืบสวนมาทั้งชีวิตวันดีคืนดีมันให้พี่ไปเป็น ผกก.อก.(อำนวยการ) ทำงานเอกสารเจ็บปวดมาก ๆ การเมืองเล่นงาน พี่รับไม่ได้ ท่านพูดเสมอว่าตำรวจต้องทำงานเป็นอิสระ เมื่อใดก็ตามฝ่ายการเมืองเข้ามาครอบงำจะส่งผลเรื่องการแต่งตั้ง-โยกย้ายทันที!!!


-ทั้งชีวิตราชการ“เหยี่ยวดำ”ทุ่มเทอุทิศตัวทำงานเป็นแบบอย่าง“ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”อย่างแท้จริง โดยเฉพาะผลงานการปราบปรามยาเสพติด-ยาบ้า แรงไม่แรงเอเย่นต์ผวาตายไปตาม ๆกัน กับคำประกาศกร้าวในพื้นที่ห้ามมีเด็ดขาด หากไม่ฟังรีบออกนอกพื้นที่ให้เร็ว ไม่เชื่อบอกญาติจองศาลาวัดได้เลย!! ท่านเอาจริง-ยิงจริงกับภัยร้ายที่บ่อนทำลายสังคม ไม่ต่างจากมือปืน-พวกก่อคดีอุกฉกรรจ์ โดยเฉพาะคดีข่มขืนฆ่า“เหยี่ยวดำ”ประกาศิตไว้ชัดเจน“หนีได้หนีไปเจอเมื่อไหร่อย่ามาร้องขอ...ก็แล้วกัน...ส่วนพวกที่มอบตัวติดคุกพ้นโทษออกมาแล้วยังไม่กลับเนื้อกลับตัว กูไม่เก็บพวกมึงไว้ จะไม่ให้ชีวิตคนบริสุทธิ์ต้องมาสังเวยให้พวกมึงอีก”!!!



-ใครจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยกับความเด็ดขาดในการใช้กฎหมายของท่านก็แล้วแต่จะคิด...แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ตำรวจท่านนี้ได้อุทิศตัวเองให้กับเครื่องแบบสีกากีที่ท่านสวมใส่มาเกือบทั้งชีวิต รับใช้ประชาชน-ทำงานเพื่อประเทศชาติมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต...ความเด็ดขาดบางครั้งมันต้องใช้กับคนชั่วโดยสันดานสังคมจึงจะสงบสุข-เช่นเดียวกับกฎหมายจะศักดิ์สิทธิ์ต่อเมื่อผู้ใช้สำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง...ขอกราบดวงวิญญาณ“เหยี่ยวดำ”ตำนานตำรวจมือปราบที่อุทิศตัวปกป้องชาวประชามาโดยตลอด ขอให้ผลบุญที่ทำส่งผลให้ท่านไปสู่สุขคติที่สัมปรายภพด้วยเทอญ.

“เหยี่ยวขาว”

ขอบคุณภาพ...เพจหนังสือ“มือปราบเหยี่ยวดำ”บรรดล ตัณฑไพบูลย์ ตำนานนักสืบ


 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้