ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ แจกกล้าไม้ฟรีทางรอดวิกฤติฝุ่นพิษPM2.5

Last updated: 2 พ.ค. 2567  |  528 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ แจกกล้าไม้ฟรีทางรอดวิกฤติฝุ่นพิษPM2.5

ทางรอดวิกฤติฝุ่นพิษ PM2.5 ระดมกล้าไม้ปลูกทุกบ้านสู้ ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ แจกฟรีต้นไม้เอาไปปลูกที่บ้าน ลั่น 1-3 ปีรู้ผล

ช่วงนี้สิ่งที่ชาวไทยพากันกังวลมากก็คือเรื่องของสภาพอากาศ โดยเฉพาะเรื่องมลพิษจากฝุ่น PM2.5 ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะภาคเหนือหลายจังหวัดกำลังเผชิญกับมลพิษดังกล่าว ช่องทางหนึ่งที่เป็นวิธีการป้องกันฝุ่นพิษไม่ให้เข้าถึงผู้คนก็คือพื้นที่ที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก

หน่วยงานของรัฐฯที่ส่งเสริมการปลูกต้นไม้คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี ศูนย์เพาะชำกล้าไม้และสถานีเพาะชำกล้าไม้กระจายอยู่ทั่วทุกภาคแทบทุกจังหวัด โดยมีหน้าที่ผลิตกล้าไม้คุณภาพหลากหลายชนิดเพื่อให้ชาวบ้านนำไปปลูกในสถานที่ต่าง ๆ และกระจายออกไปให้มากที่สุด เป็นความหวังเดียวเท่านั้นในการต่อสู้กับภาวะวิกฤติครั้งนี้ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่เมืองท่องเที่ยวที่สวยงามติดอันดับโลก แต่ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แทบจะกลายเป็นเมืองร้างไร้นักท่องเที่ยว

เกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว นางวนิดา ทองนุช เป็นหัวหน้าศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 71หมู่ที่ 1 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ หัวหน้าศูนย์ฯสังกัดส่วนผลิตกล้าไม้ สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ภาระหน้าที่หลักคือการผลิตกล้าไม้เพื่อการแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัดคือเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน ต้นไม้ ใบไม้จะช่วยดูดซับฝุ่นไว้ที่ใบ และเมื่อเกิดกระบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ปากใบจะเปิดและดูดฝุ่นเข้าไป ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่สามารถช่วยดูดซับฝุ่นได้

สำหรับกระบวนการผลิตกล้าไม้จะเริ่มจากการจัดเก็บเมล็ดไม้ ซึ่งไม้แต่ละชนิดก็จะให้เมล็ดไม่พร้อมกัน อย่างเช่นยางนาที่กำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากปลูกแล้วจะได้กินเห็ดด้วย จะให้เมล็ดช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมส่วนชนิดอื่นๆจะให้เมล็ดในช่วงเดือนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการผลิตไม้แต่ละชนิดจะไม่พร้อมกัน เมื่อได้เมล็ดมาแล้วก็จะมีการเตรียมพื้นที่เตรียมโรงเรือนเพาะชำ กรอกดินไว้ในถุงและเพาะเมล็ดลงแปลงเพาะ เมื่อเมล็ดงอกแล้วก็จะย้ายชำกล้าไม้ลงไปในถุงและเลี้ยงต่อ จะใช้ระยะเวลาในการ เลี้ยงดูประมาณ 4 เดือนสำหรับไม้โตเร็ว ส่วนไม้โตช้าจะใช้เวลาดูแลตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปีหรือข้ามปีแล้วจึงจะแจก



เมื่อชาวบ้านมารับกล้าไม้จากศูนย์เพาะชำฯไปแล้ว ขอให้นำไปไว้ในร่มหรือที่มีแดดรำไรก่อน เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าสมมุติว่าในพื้นที่ที่จะปลูกไม่มีระบบน้ำต้องอาศัยฝนอย่างเดียวก็ควรปลูกในช่วงที่มีฝนตกก็จะทำให้มีอัตราการรอดตายที่สูงกว่า แต่ถ้ามีระบบน้ำเมื่อกล้าไม้ปรับตัวผ่านไป 2 สัปดาห์ก็สามารถนำไปปลูกได้เลย และควรหาฟางแห้งหรือเศษหญ้าแห้งหรือใบไม้แห้งคลุมที่โคนต้นเพื่อช่วยเก็บความชื้นในดิน ส่วนการดูแลนั้นไม้ป่าไม่ต้องดูแลมากเหมือนไม้ผล การรดน้ำในช่วงแรกอาจจะรดน้ำวันเว้นวัน และเริ่มแตกใบใหม่ก็ลดลงเหลืออาทิตย์ละ 1 ครั้งเมื่อมีฝนมาก็สามารถปล่อยให้เติบโตได้เลย

ส่วนในพื้นที่หมู่บ้านจัดสรรหรือในเมืองที่มีพื้นที่น้อยแต่อยากปลูกต้นไม้ แนะนำให้ปลูกไม้ประดับหรือไม้พุ่มที่ไม่โตมาก ซึ่งจะทำให้รากไม่ชอนไชเหมือนกับไม้ต้นใหญ่ ซึ่งที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ก็จะมีไม้ประดับซึ่งทำไว้สำหรับรองรับสำหรับคนที่มีใจอยากปลูกต้นไม้แต่มีสถานที่น้อย ส่วนคนที่มีพื้นที่มากแนะนำให้ปลูกโดยมีหลักการว่าให้ปลูกเลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งตามธรรมชาติจะมีความหลายชนิดมีทั้งไม้โตเร็ว และไม้โตช้าควรจะปลูกคละกันไป ยกตัวอย่างไม้ตัวเร็วอย่างเช่น สะเดา ไผ่ มะฮอกกานี กระถินเทพา กระถินณรงค์ พวกไม้โตเร็วจะทำให้พื้นที่มีความชุ่มชื้น หลังจากนั้นก็นำไม้โตช้าหรือไม้เศรษฐกิจเช่น สัก ยางนา มะค่าโมง ไม้แดง ไม้ชิงชัน ไม้ประดู่ปลูกตามไปจะทำให้อัตรากรรอดตายสูงมาก ทั้งนี้ในพื้นที่ที่ปลูกไม้ป่ายังสามารถถูกแซมด้วยพืชสวนครัว  

ในส่วนของการบริการของศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ ในขณะนี้มีทั้งไม้โตเร็ว อาทิ ไม้ไผ่ มีทั้งไผ่ซางนวล ไผ่ซางหม่น ไผ่รวก ไผ่ข้าวหลามมาเลือกได้ตามต้องการ และยังมีมะฮอกกานี มีกระถินเทพา และในอนาคตจะมีกระถินลูกผสม หรือที่เรียกว่ากระถินเทพณรงค์ ซึ่งตัวนี้จะทนแล้งและโตเร็วมาก ในเวลาเพียงแค่ 5 ปีจะสามารถตัดใช้ได้เลย ในช่วงนี้กำลังปลูกต้นแม่ และปักชำขยายพันธุ์เพื่อส่งต่อให้กับประชาชน

นอกจากนี้ยังมีไม้ที่องค์การสหประชาชาติยกย่องเป็น Super Food คือต้นมะรุม ขณะนี้ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ยังดำเนินการเพาะชำ และพร้อมที่แจกให้กับพี่น้องประชาชนในประเภทไม้กินได้ ดังนั้นผู้ที่จะ ปลูกต้นไม้ต้องมีความชัดเจนว่าต้องการปลูกต้นไม้เพื่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นการปลูกไว้กินหรือปลูกไว้ขายซึ่งเราจะมีตั้งแต่ไม้โตเร็วไม้กินได้และไม้สวยงามอีกทั้งยังจะมีสมุนไพรอีกด้วย สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะมารับกล้าไม้ไปปลูกนั้นคุณสมบัติจะต้องมีใจรักในการปลูกต้นไม้ในธรรมชาติอยากจะเพิ่มพื้นที่สีเขียว และไม่จำเป็นต้องเป็นคนในพื้นที่จ.เชียงใหม่เท่านั้น แต่จะต้องเป็นผู้ที่นำไปปลูกจริงในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน หรือแม้แต่ที่คนที่ทำงานที่เชียงใหม่ แต่มีพื้นที่อยู่ที่จังหวัดอื่น ๆ แล้วจะกลับไปบ้านอยากได้ต้นไม้กลับไปปลูกก็ยังให้บริการอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน ขอแค่ให้รู้ ว่าปลูกจริงเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เป็นไร่ ต้องการ10 ต้น 20 ต้นก็แจก ที่สำคัญคือเราอยากจะปลูกต้นไม้ในใจของชาวบ้านก่อน อยากให้เขารู้ว่าต้นไม้แต่ละต้นกว่าจะโตได้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน เมื่อลงมือปลูกเองจะทำให้รู้ว่าถ้าจะต้องตัดต้นไม้ที่ปลูกด้วยตัวเองจะมีความรู้สึกเกิดความรักความหวงแหน.

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ...สาธิต-เชียงใหม่.

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้