Last updated: 24 พ.ย. 2566 | 3947 จำนวนผู้เข้าชม |
AOT ปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges: PSC) 6 แห่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-เชียงใหม่-แม่ฟ้าหลวง เชียงราย-ภูเก็ต-หาดใหญ่ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ-อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร สบายรวดเร็วปลอดภัยในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น
วันที่ 24 พ.ย.ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า ตามที่ AOT ได้นําระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing Systems: CUPPS) มาให้บริการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ความปลอดภัยในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น
ดร.กีรติ กล่าวต่อว่า สอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.64 ที่ได้กำหนดนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศในการนำเทคโนโลยีระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) มาใช้ในสนามบินที่ให้บริการแก่สาธารณะ เพื่อพัฒนาการดำเนินการสนามบินสาธารณะให้มีความทันสมัย มีศักยภาพเทียบเท่าระดับสากลนั้น
ปัจจุบันการให้บริการระบบ CUPPS ประกอบด้วย (1) บริการตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Terminal Equipment: CUTE) ที่เข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการของเคาน์เตอร์เช็กอินเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับ การบริการบนมาตรฐานเดียวกันกับท่าอากาศยานระดับสากล (2) บริการเช็กอินด้วยตัวเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service: CUSS) เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารไม่ต้องรอแถวเช็กอิน
อีกทั้งยังสามารถเช็กอินล่วงหน้าเป็นเวลา 6 – 12 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (ตามเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน) และ (3) บริการรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD) สำหรับให้ผู้โดยสารสามารถโหลดสัมภาระได้ด้วยตนเอง ซึ่งการนําระบบ CUPPS มาให้บริการส่งผลให้มีต้นทุนอัตราค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น AOT จะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges: PSC) สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700.- บาทต่อคน เป็น 730.- บาทต่อคน และค่า PSC สำหรับผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100.- บาทต่อคน เป็น 130.- บาทต่อคน โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ในกระบวนการพิจารณาการปรับปรุงค่า PSC ดังกล่าว AOT ได้เสนอสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อขออนุมัติหลักเกณฑ์เกี่ยวกับแนวทางการเรียกเก็บค่าบริการระบบ CUPPS ซึ่ง กพท.ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า การจะเรียกเก็บค่าบริการจากผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้ใช้บริการระบบ CUPPS อีกทั้งค่าบริการดังกล่าวเป็นค่าบริการที่เกี่ยวกับการบิน (Aeronautical charges) ดังนั้น AOT จึงควรนำค่าบริการ CUPPS มาคำนวณรวมเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งของค่า PSC ตามมาตรา 56 (1) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศฯ เพื่อให้ถูกต้องตามประเภทของค่าบริการและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในบริการต่างๆ ที่สนามบินจัดทำขึ้น เพื่อเรียกเก็บค่าบริการจากผู้โดยสารเพื่อประโยชน์ของผู้โดยสาร เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบินสำหรับผู้โดยสารตามความในมาตรา 60/37 ซึ่งเป็นเจตนารมณ์สำคัญในการที่ผู้ดำเนินงานสนามบินอนุญาตที่ให้บริการแก่สาธารณะสามารถเรียกเก็บค่า PSC ได้ โดยอัตราค่า PSC ที่ปรับเพิ่มดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเรียบร้อยแล้ว
ดร.กีรติ กล่าวอีกว่า สำหรับรายได้จากการจัดเก็บค่า PSC นั้น กฎหมายได้กำหนดให้ผู้บริหารท่าอากาศยานนำไปใช้ในการพัฒนาท่าอากาศยาน จัดหาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการบำรุงรักษาด้าน ความปลอดภัยท่าอากาศยานให้เป็นไปตามมาตรฐานของท่าอากาศยานในระดับสากล รวมทั้งการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในท่าอากาศยานทุกแห่ง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้โดยสารให้ได้รับความปลอดภัย และความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จัดไว้รองรับ ทั้งนี้ การพัฒนาของท่าอากาศยานจะช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่ง AOT มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานต่างๆ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยและเติบโตได้อย่างยั่งยืน.
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ... บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด.