Last updated: 9 ม.ค. 2566 | 1510 จำนวนผู้เข้าชม |
อดีตแม่ทัพฟ้า"พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์"นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ เดินทางตรวจเยี่ยมบริษัทเนแรค อาร์มส อินดัสตรี จำกัด ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์แห่งแรกของประเทศ เผยทำเอง-ใช้เองช่วยประหยัดงบประมาณนำเข้าฯจากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก แถมมีคุณภาพมาตรฐานสากล
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 9 ม.ค.พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ เดินทางเข้าเยี่ยมชมอาวุธยุทโธปกรณ์แห่งแรกของประเทศ ที่บริษัทเนแรค อาร์มส อินดัสตรี จำกัด เลขที่ 119 ม.13 ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยมี พล.อ.วัฒนา นาราคาม อดีตผู้บัญชาการศูนย์อำนายการสร้างอาวุธ และที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท เนแรค อาร์มส อินดัสตรี จำกัด และผู้บริหารให้การต้อนรับ พร้อมร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนให้บริษัทสามารถนำยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ จำหน่ายไปยังผู้ที่สนใจได้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่ถูกต้อง
พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า อุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศจำเป็นต้องเกิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในกับประเทศโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกิจกรรมทางทหารของไทย โดยให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนารวมถึงการยกระดับประสิทธิภาพให้ก้าวทันเทคโนโลยี บนแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี Guideline for Defence Industrial Development Under the 20-Year National Strategy อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ถือเป็นฐานรากสำคัญและเป็นหลักประกันทางด้านความมั่นคงของประเทศต่อขีดความสามารถและความพร้อมรบของกองทัพในเป้าประสงค์ให้มีอาวุธยุทโธปกรณ์บนการพึ่งพาตนเอง
ทั้งนี้การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้ถูกยกให้เป็นวาระสำคัญบรรจุไว้ใน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในแผนพัฒนาและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และอยู่ในนโยบายของกระทรวงกลาโหม ดังนั้นเพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว เป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนจึงควรมีการกำหนดแนวทาง การพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนี้ขึ้นมาให้ชัดเจนครบทุกมิติ อีกทั้งยังสัมพันธ์กับห่วงโซ่เศรษฐกิจ นำสู่การขับเคลื่อนประเทศในวิถีใหม่ซึ่งถือเป็นหลักประกันด้านความเจริญรุ่งเรืองแบบเบ็ดเสร็จประเทศชาติต้องอยู่รอดปลอดภัยได้ในยามสงครามและในสภาวะวิกฤต การเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะการฝึกซ้อมในยามสงบต้องสามารถกระทำได้อย่างต่อเนื่อง ช่วงที่ผ่านมาเทคโนโลยีการป้องกันประเทศไม่ได้รับการบรรจุหรือผนวกเข้าไปในยุทธศาสตร์ชาติและขับเคลื่อนกันอย่างจริงจัง ทำให้การพัฒนาขาดความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคง จึงนับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่รัฐบาลไทยเล็งเห็นความสำคัญการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม เพื่อใช้ในด้านการป้องกันประเทศ จึงมีการสนับสนุนและขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับนโยบายของกระทรวงสู่ระดับยุทธศาสตร์ของประเทศ ด้วยกลไกการขับเคลื่อนในรูปแบบของประชารัฐ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม และเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ผลงานวิจัยที่ช่วยสร้างผลผลิตและนำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยประหยัดงบประมาณในการนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศได้จำนวนมาก
สำหรับบริษัท เนแรคอาร์มสอินดัสตรี จำกัด เป็นบริษัทฯ ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงกลาโหม ให้ตั้งโรงงานทำ ประกอบ ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนลักษณะอาวุธ เมื่อปี พ.ศ.2553 โดยเริ่มจากการผลิตปลอกกระสุนปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37 มิลลิเมตร Type 74 และ Type76 ปลอกและหัวกระสุนปืน ขนาด 45 นิ้ว ACP ปลอกกระสุนปืนใหญ่ ขนาด 105 มิลลิเมตร กระสุนปืนลูกซองครบนัด ขนาด 12 เกจ และประกอบรวมครบนัด กระสุนปืนพกทุกขนาดที่ได้รับอนุญาต ภายใต้แบรนด์ NRC และในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ร่วมกับหลายภาคส่วนพัฒนา วิจัย จนสามารถผลิต ชนวนหัว ลูกระเบิด ขนาด 120 มิลลิเมตรส่งให้กับหน่วยงานภายในประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่คนไทยสามารถผลิตได้เองและใช้งานได้จริง
บริษัทฯได้ยึดมั่นตามแนวทางดำเนินงานตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่องการพึ่งพาตนเอง ทั้งยังเดินตามแนว นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ของรัฐบาลเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตราที่ 65 พึงจัดให้มียุทธศาสตร์เป็นเป้าหมายพัฒนาประเทศ เพื่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ บริษัทฯจึงจัดอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อันดับที่ 11 ในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ทำให้ประเทศมีศักยภาพพร้อมเผชิญภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นที่พึ่งพาตนเอง ประหยัดงบประมาณในการนำเข้า สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างองค์ความรู้ให้กับคนไทย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์จะมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ทั้งด้านโรงงาน คน ดังนั้นอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทำในเมืองไทยอิงมาตรฐานระดับโลกอยู่ตลอดเวลา ขอให้มีความเชื่อมั่นไว้วางใจ เพราะมีมาตรฐานที่เทียบเท่ากับมาตรฐานโลก อยากให้ช่วยกันส่งเสริมสนับสนุน โดยเฉพาะส่วนราชการต่าง ๆ ทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการพลเรือนทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงหันมาใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ของไทย จะช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งของที่ได้มาตรฐานก็สามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย การฝึกก็ยิ่งง่ายไปอีก เพราะทุกอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ซึ่งอาวุธของไทยจะมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ส่วนการแก้ไขกลไกทางกฎหมายขอให้มองในตรรกะของกฎหมายและมองในศักดิ์ของอำนาจในเชิงกฎหมายจะเป็นลำดับชั้น ถ้าอันไหนเป็นกฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่าก็จะต้องปฏิบัติเป็นไปตามนั้น อันไหนที่ขัดแย้งก็จะต้องมีการแก้ไขต่อไปโดยเร็ว เพื่อผลประโยชน์ต่อชาติโดยรวม
พล.อ.อ.มานัต กล่าวอีกว่า วันนี้บริษัทฯได้เชิญมาเพื่อมาดูเอกสารหลักฐานทั้งหมดเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ มีการรับรองความถูกต้องของเอกสารทุกอย่าง ทั้งฝ่ายของต่างประเทศ สถานทูต และทางราชการไทยที่ออกเอกสารมาเป็นกฎหมาย เป็นข้อบังคับ เป็นคำสั่งต่าง ๆ ยืนยันว่าเป็นเอกสารทางราชการที่ถูกออกมาจากหน่วยราชการจริง และก็จะเป็นหลักฐานที่จะยื่นขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มาช่วยคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในเชิงกฎหมายโดยเร็ว
อย่างไรก็ตามหลังประชุมเสร็จทางคณะได้เยี่ยมชมอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ได้แก่ อาวุธปืนที่ผลิตขึ้นของบริษัทฯ รวมทั้งกระสุนขนาดต่าง ๆ ได้แก่ อาวุธปืนเล็ก NARAC 556 CARBINE ( ขนาดติดลำกล้อง 14.5 นิ้ว ) และขนาด 20 นิ้ว เป็นผลงานวิจัยพัฒนา สิ่งประดิษฐ์ทางทหาร และนวัตกรรมที่ผลิตขึ้นเองเป็นครั้งแรกของประเทศ โดยมีประกาศรับรองจากกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ลงชื่อโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถือได้ว่าการผลิตอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนของไทยได้คุณภาพมาตรฐานสากล ไทยทำเอง ใช้เอง แทนการนำเข้าจากต่างประเทศ.
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ...รังสี ลิมปิโชติกุล-ราชบุรี.