Last updated: 12 ก.ค. 2564 | 1742 จำนวนผู้เข้าชม |
“สสอ.”แนะแนวทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ปกครองฯ เจอประชาชนฝ่าฝืนคำสั่งฯต้องสอบถามเจตนาแท้จริงก่อน ไม่ยึดติดแต่ตัวบทกฎหมายอย่างแข็งกระด้าง-จับกุมดำเนินคดีเป็นทางเลือกสุดท้าย! ย้ำต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
-ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบาง และปรากฏความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทุกหัวระแหง กรณีที่ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติเชื้อนรกโควิด-19 ที่เล่นงานทำลายล้างไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจ-ชีวิตผู้คน และการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์...เนื่องจากรัฐฯต้องออกมาตรการข้อห้ามต่าง ๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งข้อกำหนดฯ (ฉบับที่ 27) มีข้อห้ามประชาชนฝ่าฝืนซึ่งมีโทษทางอาญาในหลายประการ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ...ประเด็นข้อห้าม-ข้อกำหนด-หรือสั่งให้งดอะไรต่าง ๆ บางครั้งหากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไม่เข้าใจ จะเอาแต่จับลูกเดียวมันอาจทำให้ประชาชนเดือดร้อนหนักเข้าไปอีกได้ อย่างเช่นกลางเดือนก่อนพี่สาวที่สนิทคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เธอจ้างช่างมาเดินสายไฟใหม่ในบ้าน เนื่องจากสายไฟเก่าอันตรายกลัวไฟจะช็อตไหม้บ้าน (บ้านนะไม่ใช่โรงงาน) ระหว่างทางช่างไฟซึ่งมากัน 2 คนถูกตำรวจที่ตั้งด่านจับพาไปปรับที่โรงพัก เนื่องจากมีคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงาน ห้ามคนงานเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ เกรงว่าโควิดฯจะแพร่ระบาด!!!
-กรณีนี้ถามว่าใครผิด-ใครถูก!! ตอบยากเนื่องจากมี 2 มุมมอง มองมุมชาวบ้านตำรวจอาจทำเกินไปหรือป่าว มองมุมตำรวจก็คือเป็นหน้าที่ของเขา ผิดจับปรับสถานเดียว!! เกี่ยวกับประเด็นนี้ทางกรมการปกครองมีข้อแนะนำในการบังคับใช้กฎหมาย หรือการปรับใช้กฎหมายคือ เจ้าพนักงานจักต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่เป็นไปของสังคม กล่าวคือ ผู้มีอำนาจบังคับหรือปรับใช้กฎหมายจักต้องกระทำการไปโดยรู้ให้เท่าทันสังคม และจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้มีอำนาจบังคับหรือปรับใช้กฎหมายจะต้องไม่ยึดติดแต่ตัวบทกฎหมายอย่างแข็งกระด้าง!!!
-โดย ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา (สสอ.)สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง แนะนำแนวทางที่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยจักได้พิจารณาบังคับใช้กฎหมาย ตามข้อกำหนดฯ(ฉบับที่ 27)ว่า 1. กรณีพบผู้ฝ่าฝืนการห้ามออกนอกเคหสถาน ตามข้อกำหนดฯ (ฉบับที่ 27) ข้อ 2 ซึ่งไม่ใช่ผู้ได้รับการยกเว้น ตามข้อ 3 และ 4 เจ้าพนักงานฯ ควรสอบถามเพื่อให้ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงของผู้ฝ่าฝืนว่า ที่ฝ่าฝืนออกมามีเหตุจำเป็นใด เช่นนี้ การอำนวยความสะดวกหรือการให้ความช่วยเหลือประชาชน จึงเป็นสิ่งที่เจ้าพนักงานฯ พึงปฏิบัติมากกว่าการจับกุมดำเนินคดี ส่วนมาตรการการจับกุมดำเนินคดีควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง หากการฝ่าฝืนนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสาธารณะได้!!!
-2. กรณีพบการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคล ที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน ตามข้อกำหนดฯ (ฉบับที่ 27) ข้อ 7 (6) ประกอบข้อกําหนดฯ (ฉบับที่ 25) ซึ่งกำหนดให้งดจัดกิจกรรมทางสังคมที่มีการรวมกลุ่ม ในลักษณะการสังสรรค์ จัดเลี้ยง หรืองานรื่นเริง เว้นแต่เป็นการจัดพิธีการตามประเพณีนิยมซึ่งได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เจ้าพนักงานฯควรเข้าไปให้ข้อแนะนำ ห้ามปราม หรือตักเตือนให้ประชาชนปฏิบัติให้ถูกต้อง ซึ่งการจับกุมดำเนินคดีควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง หากการฝ่าฝืนนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสาธารณะได้ ส่วนข้อ 3. กรณีที่เจ้าพนักงานฯ ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาดคือ การกวดขันการมั่วสุมประชุมกันเพื่อเล่นการพนัน-ดื่มสุรา-ยาเสพติด ซึ่งข้อกำหนดฯ(ฉบับที่ 27) ข้อ 7 วรรคท้าย กำหนดให้เจ้าพนักงานฯบังคับใช้กฎหมายต่อกิจกรรมเหล่านี้อย่างเต็มที่!!!
***ขอบคุณภาพบางส่วนจากเดลินิวส์ออนไลน์
ประชาสัมพันธ์“เก็บตกปกครองฯ”
-จับแหลก...นางศศิพิญญานันท์ อาจวิชัย ปลัดอำเภอนิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หลังได้รับข้อมูลมีสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน อ.นิคมคำสร้อย มีการขนไม้ และแปรรูปไม้ภายในวัดไม่รู้ที่มาที่ไปของไม้ ตรวจสอบพบกองไม้ และไม้ที่แปรรูปจำนวนหนึ่ง จึงสอบถามผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการได้มาของไม้ เบื้องต้นยังไม่มีเอกสารยืนยัน จึงได้ทำบัญชีไม้ และอายัดไว้ตรวจสอบ โดยให้ยื่นเอกสารภายใน 25 วันหากไม่สามารถนำเอกสารมายืนยันได้ก็จะยึด และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ต่อมานางศศิพิญญานันท์ได้ลงพื้นที่จับกุมบ่อน บริเวณเถียงนาพื้นที่ ต.นาอุดม อ.นิคมคำสร้อย หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน พบมีการมั่วสุมเล่นการพนันจริง เบื้องต้นจับกุมนักพนันได้ 4 คน คุมตัวส่ง สภ.นาอุดม ดำเนินการทางกฏหมายทันที!!
-บ่อนไก่ชน...นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา นายเอกชัย แก้วรัตนะ ปลัดอาวุโส สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงอำเภอหาดใหญ่ นำโดยนายธีรเดช จันมณี ปลัดอำเภอ หน.ฝ่ายความมั่นคง นายสุบัณทิตย์ ไชยแก้ว ปลัดอำเภองานป้องกัน นายพันธกานต์ รัชณรงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นำกำลัง อส.กองร้อย อส. หาดใหญ่ที่ 4 ดำเนินการจับกุมบ่อนการพนันลักลอบตีไก่ (ไก่ชน)บริเวณสวนยางพาราในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ลักษณะเป็นบ่อนวิ่ง เบื้องต้นจับกุมนักพนันได้ 3 คน ที่เหลืออาศัยความชำนาญพื้นที่วิ่งหนีเข้าป่ากันอุตลุด คุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คอหงส์ ดำเนินคดี!!
-ตรวจแรงงาน...ภายใต้การอำนวยการของนายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าฯสระแกัว โดยการนำของนายวัลลภ ประวัติวงค์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว สั่งการให้ นายราเยส ราย ป้องกันจังหวัดสระแก้ว ประสานบูรณาการ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสระแก้ว ฝ่ายปกครองฯ ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว สาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว ดำเนินการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะกลุ่มแรงงานโครงการซ่อมแซมเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองพระสทึง บริเวณชุมชนย่อยที่ 14 บ้านลัดกะสัง เทศบาลเมืองสระแก้ว ผลการตรวจไม่พบผู้มีสารเสพติดในร่างกายผู้ใด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แนะนำ-กำชับผู้รับเหมาโครงการ ให้ถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตามหลักสาธารณสุขโดยเคร่งครัด!!
คอลัมน์...“เก็บตกปกครองฯ”
“เหยี่ยวขาว”