Last updated: 11 มี.ค. 2568 | 231 จำนวนผู้เข้าชม |
รองปลัดแรงงาน “บุปผา” เปิดโครงการรับฟังความคิดเห็นการขยายความคุ้มครองให้แก่ผู้ประกันตน ม.33 ครอบคลุมเพิ่มอีก 3 กลุ่มอาชีพ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 11 มี.ค.นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น “การขยายความคุ้มครองให้แก่ลูกจ้างที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม” โดยมีนางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง นายจ้าง ลูกจ้างและสื่อมวลชน เข้าร่วม ที่ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ “การขยายความคุ้มครองให้แก่นายจ้างและลูกจ้างที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม” ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการหรือลูกจ้างอื่นที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม พ.ศ. 2560 โดยการเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ลูกจ้างใน 3 กลุ่มอาชีพ เข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 33 ได้แก่ กลุ่มกิจการภาคเกษตร เพาะปลูก ประมง ป่าไม้ เลี้ยงสัตว์ กลุ่มลูกจ้างในครัวเรือนที่ทำงานในฐานะนายจ้างส่วนบุคคล เช่น แม่บ้าน ผู้ประกอบอาหาร คนรับใช้ส่วนตัว หัวหน้าผู้รับใช้ คนซักรีด คนสวน ผู้ดูแลสัตว์เลี้ยง คนขับรถ คนเฝ้าบ้าน เป็นต้น และกลุ่มลูกจ้างในกิจการค้าแผงลอย ดังนั้น เมื่อลูกจ้างในกลุ่มอาชีพดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 33 จะได้รับสิทธิประกันสังคมที่ช่วยสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เช่น สิทธิรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย เงินชดเชยกรณีต่าง ๆ เช่น เงินค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์บุตร เงินบำนาญชราภาพ เงินว่างงาน เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ และเงินกรณีตาย นอกจากนี้ นายจ้างจะได้รับประโยชน์จากการขยายความคุ้มครองครั้งนี้ เช่น คลายความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกจ้าง หากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย รวมถึงเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบและดูแลสวัสดิการของลูกจ้าง
นางสาวบุปผา กล่าวต่อว่า สำหรับทิศทางการขับเคลื่อนของกระทรวงแรงงานในอนาคตในการดูแล นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนมีหลักประกันทางสังคม โดยมีแนวนโยบายให้ -ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้ประกันตน ในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้มีความเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของบริบทเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ การยกระดับสิทธิการรักษา รวมถึงสวัสดิการที่มีความทันสมัย เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมและตรงต่อความต้องการของผู้ประกันตน -การส่งเสริมสุขภาพที่ดีสำหรับผู้ประกันตน การยกระดับโครงการตรวจโรคเชิงรุก ที่มุ่งเน้นในการตรวจคัดกรองโรคที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง เพื่อการเพิ่มโอกาสในการคัดกรองและตรวจพบโรคในช่วงเวลาที่สามารถรักษาได้ -การยกระดับงานด้านบริการ การพัฒนาระบบ BEST E-SERIVCE และการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อการเพิ่มความสะดวกในการได้รับการบริการ เพื่อการยกระดับการให้บริการของสำนักงานประกันสังคมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ -กองทุนมั่นคง แรงงานมั่งคั่ง ประกันสังคมยั่งยืน ในการยกระดับการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นถึงความยั่งยืนต่อนายจ้าง ลูกจ้างและผู้ประกันตน ในช่วงเวลาที่รวดเร็วที่สุด การพัฒนาแนวทางการลดค่าใช้จ่ายในการประกันสุขภาพสำหรับผู้ประกันตน โดยมุ่งเน้นในการลดค่าใช้จ่ายและคงไว้ซึ่งสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลที่ดี
ด้านนางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวประชาสัมพันธ์เชิญชวนนายจ้าง ลูกจ้าง ประชาชนทั่วไปว่า สำนักงานประกันสังคมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อขยายความคุ้มครอง ในช่วงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2568 โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางต่าง ๆ จัดรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบกลางทางกฎหมาย ในช่วงวันที่ 1-15 มีนาคม 2568 จัดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม ในช่วงวันที่ 1 - 15 มีนาคม 2568 และจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในรูปแบบ Focus Group 2 ครั้ง ได้แก่ รับฟังความคิดเห็นจากลูกจ้างในครัวเรือนที่ทำงานให้กับนายจ้างส่วนบุคคล และการค้าแผงลอย ที่สำนักงานประกันสังคม ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวน 50 คน และกลุ่มนายจ้าง ลูกจ้างของกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้ เลี้ยงสัตว์ ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 จำนวน 50 คน
สำหรับกำหนดการประชุมรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ จะเป็นการเสวนาในหัวข้อ “การขยายความคุ้มครองให้แก่ลูกจ้างที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม” จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากนั้นจะได้เปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้เข้าร่วมประชุมและคณะวิทยากร การประชุมในวันนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 300 คน ประกอบด้วยผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ดังนี้ ผู้บริหารกระทรวงแรงงานและผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม คณะกรรมการประกันสังคมผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง นายจ้างและลูกจ้างในกิจการทั้ง สามกลุ่มที่เกี่ยวข้องและผู้แทนสื่อมวลชน.