Last updated: 14 ก.พ. 2568 | 121 จำนวนผู้เข้าชม |
สมาคมเครือข่ายสื่อท้องถิ่นยุคใหม่ ออกแถลงการณ์ กรณีคำพิพากษาจำคุก ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ชี้ต้องเคารพอำนาจศาล และบทบาทของ กสทช. ในการป้องกันอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.สมาคมเครือข่ายสื่อท้องถิ่นยุคใหม่ โดยนายจินดา เจริญสุข นายกสมาคมฯ ได้ออกแถลงการณ์กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ให้สิทธิ์ประกันตัวเพื่ออุทธรณ์คาตัดสิน โดยสมาคมเครือข่ายสื่อใหม่ มีข้อสังเกตและข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่สนับสนุน ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ซึ่งอาจเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล และบทบาทของ กสทช. ในการป้องกันอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยขอแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้ 1.การเคารพอานาจศาลและกระบวนการยุติธรรม สมาคมฯ ขอย้าถึงหลักการสาคัญของ รัฐธรรมนูญและหลักนิติรัฐ ซึ่งกาหนดให้ศาลเป็นองค์กรตุลาการอิสระที่มีอานาจชี้ขาดคดีโดยปราศจากการแทรกแซง การเคลื่อนไหวที่กดดันหรือพยายามเปลี่ยนแปลง ตัดตอน หรือบิดเบือนคาตัดสินของศาลนอกกระบวนการกฎหมาย อาจเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ในกรณีนี้ ศาลได้ให้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเป็นช่องทางทางกฎหมายที่ถูกต้องและเป็นธรรม ดังนั้น การต่อสู้ทางกฎหมายควรดาเนินอยู่ในกระบวนการศาล ไม่ใช่ผ่านแรงกดดันทางสังคมหรือการเคลื่อนไหวนอกระบบจนสังคมอาจจะเข้าใจผิด และกระทบต่อความเชื่อมั่นในกลไกยุติธรรม ของประเทศสมาคมฯ ขอเรียกร้อง ให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักนิติรัฐ และไม่ดาเนินการใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการละเมิดอานาจศาล เพื่อรักษาเสถียรภาพของกระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย
2. บทบาทของ กสทช. ในการส่งเสริมเสรีภาพและความรับผิดชอบของสื่อ สมาคมฯ ขอย้าว่า กสทช. มีหน้าที่กากับดูแลการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคม รวมถึง การคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม บทบาทของ กสทช. ต้องดาเนินไปบนหลักความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ยึดมั่นในหลักจริยธรรม และไม่ถูกแทรกแซงจากปัจจัยทางการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์ กรณีของ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ควรได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมภายใต้กรอบของกระบวนการยุติธรรม และ กสทช. ต้องมีเอกภาพในการทางานเพื่อปกป้องสิทธิผู้บริโภคอย่างแท้จริง โดยไม่มีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามาแทรกแซง หรือเลือกปฏิบัติในการควบคุมตรวจสอบ
3. บทบาทของ กสทช. ในการป้องกันอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Cybercrime) เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center Scams), การปลอมแปลงข้อมูล (Phishing), การหลอกลวงทางออนไลน์ (Online Fraud), และแก๊งสแกมเมอร์ (Scammers) ได้กลายเป็นภัยคุกคามสาคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน สร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี สมาคมฯ ขอย้าว่า กสทช. มีบทบาทสาคัญในการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อกากับดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยการดาเนินงานในประเด็นต่อไปนีป้องกันการใช้เครือข่ายโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือของอาชญากร 3.1 กสทช. ควรบังคับใช้มาตรการคัดกรองและยืนยันตัวตนของผู้ใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ (SIM Registration) อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการใช้ซิมเถื่อนในการก่ออาชญากรรม 3.2 ส่งเสริมระบบแจ้งเตือนภัยไซเบอร์ (Cyber Alert System) 3.3 ควรมีการร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น สานักงานตารวจแห่งชาติ, กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนา ระบบแจ้งเตือนภัยไซเบอร์แบบเรียลไทม์ สาหรับประชาชน 3.4 ควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดีย 3.5 กสทช. ควรทางานร่วมกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น Facebook, YouTube, TikTok และ Line เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลหลอกลวง (Fake News) และโฆษณาหลอกลวงที่มุ่งหวังฉ้อโกงประชาชน 3.6 กากับดูแลการให้บริการของโอเปอเรเตอร์โทรคมนาคม – ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ (AIS, True, Dtac ฯลฯ) ควรมีมาตรการป้องกัน การปลอมแปลงหมายเลขโทรศัพท์ (Caller ID Spoofing) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เพื่อหลอกลวงประชาชน ทั้งสมาคมเครือข่ายสื่อใหม่จะติดตามความคืบหน้าของกรณีนี้อย่างใกล้ชิด และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการส่งเสริมเสรีภาพในการสื่อสาร ภายใต้กรอบของหลักนิติรัฐ เพื่อคุ้มครองประชาชนและผู้บริโภคต่อไป.
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ...สมาคมเครือข่ายสื่อท้องถิ่นยุคใหม่.