Last updated: 30 ม.ค. 2568 | 113 จำนวนผู้เข้าชม |
‘พิพัฒน์’ มอบ‘ปลัดบุญสงค์’เร่งติดตามสิทธิประโยชน์ กรณีผู้ฝึกงานเสียชีวิตในญี่ปุ่น สั่งทูตแรงงานประสานสถานกงสุลนำอัฐิกลับไทย
วันที่ 30 ม.ค.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคเสียชีวิตในประเทศญี่ปุ่นว่า "ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวแรงงานไทยที่เสียชีวิตในครั้งนี้ ในส่วนของการติดตามความช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์เพื่อให้แก่ทายาทพึงได้รับตามกฎหมายนั้น ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงแรงงานติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ และประสานดำเนินการตามความประสงค์ของครอบครัวในการส่งอัฐิกลับประเทศไทย"
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวได้รับรายงานจากอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นตรวจสอบ พบว่า แรงงานไทยที่เสียชีวิตชื่อนายกรณพัฒน์ พรมฮุ่ง เป็นผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคญี่ปุ่นที่หายตัวไป ซึ่งญาติได้ร้องเรียนผ่านสื่อ ในส่วนของกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นได้ติดตามพบว่า นายกรณพัฒน์มีภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดเลย เดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทจัดหางาน ไทยอัศวเลิศ จำกัด และมีองค์กร cooperative society Hiroshima sokeizai center เป็นองค์กรกำกับดูแล จากนั้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2567 นายกรณพัฒน์ และเพื่อนรวม 9 คน ได้เดินทางไปสังสรรค์ที่ร้านอาหารในเมือง Hiroshima โดยในช่วงเวลาประมาณ 05.00 ของวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ขณะกำลังเตรียมกลับที่พักได้พบว่านายกรณพัฒน์หายตัวไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ได้ติดตามสอบถามความคืบหน้าเป็นการภายในไปยังสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ โดยวันที่ 6 มกราคม 2568 สถานกงสุลใหญ่ได้สอบถามไปยังสถานีตำรวจ Yamagata ซึ่งทางองค์กรกำกับดูแลฯ ได้แจ้งความไว้ ทราบว่า ยังไม่พบตัวนายกรณพัฒน์ โดยหนังสือเดินทางและสมุดบัญชีต่าง ๆ ยังคงอยู่ที่ห้องพัก
นอกจากนี้นายจ้างได้โอนเงินเดือนเข้าบัญชีนายกรณพัฒน์ ช่วงก่อนสิ้นเดือนธันวาคม 2567 แต่ไม่พบการเคลื่อนไหวของบัญชี สำหรับข้าวของ และสัมภาระของนายกรณพัฒน์ นายจ้างยังคงเก็บไว้ที่บ้านพักเช่นเดิม ต่อมาเช้าวันที่ 7 มกราคม 2568 บริษัท ไทยอัศวเลิศ ได้ขอทราบแนวทางติดตามนายกรณพัฒน์ ซึ่งสำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ได้แจ้งข้อมูลความคืบหน้าให้บริษัททราบในเบื้องต้น จนกระทั่งวันที่ 23 มกราคม 2568 สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ได้รับการประสานแจ้งจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ว่าได้รับแจ้งจากองค์กรกำกับดูแล พบว่า นายกรณพัฒน์ เสียชีวิตแล้ว โดยพบร่างเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 บริเวณบันไดหนีไฟ ระหว่างชั้น 2 และ ชั้น 3 ของอาคารร้านอาหาร ซึ่งองค์กรกำกับดูแล ได้แจ้งให้ญาติที่ประเทศไทยทราบเรื่องการเสียชีวิตแล้ว
ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนได้รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ติดตามการช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์และประสานสถานกงสุลในการนำอัฐิกลับมาประเทศไทยตามความประสงค์ของญาติ ในส่วนของสิทธิประโยชน์นั้น สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นได้ประสานกับองค์กรกำกับดูแล ฯ เพื่อติดตามสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับทางฝ่ายญี่ปุ่น กรณีนายกรณพัฒน์เสียชีวิต พบว่า นายกรณพัฒน์ เป็นผู้ประกันตนระบบประกันสังคมญี่ปุ่น ประกอบด้วย 1) ประกันสุขภาพ กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิต ทายาทจะได้รับเงินค่าทำศพ จำนวน 50,000 เยน หรือประมาณ 11,000 บาท โดยบริษัทจัดหางานฯ และสหกรณ์บริษัท ตกลงที่จะดำเนินการและช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการฌาปนกิจและการส่งอัฐิให้ 2) ประกันเงินบำนาญ ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินบำนาญตกทอด โดยมีเงื่อนไขในการเป็นผู้ประกันตนเป็นระยะเวลา 25 ปีขึ้นไป กรณีผู้เสียชีวิตไม่มีภรรยาและบุตร บิดาหรือมารดาจะเป็นผู้มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ โดยมีเงื่อนไขว่าบิดาหรือมารดาต้องมีอายุ 55 ปี
ในกรณีนายกรณพัฒน์ ทายาทจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันเงินบำนาญดังกล่าว เนื่องจากเป็นผู้ประกันตนไม่ครบตามระยะเวลาที่กำหนด 3) สิทธิประโยชน์จากประกันภัยของบริษัทเอกชน ทั้งนี้ จะได้รับเงินชดเชยหรือไม่ เป็นจำนวนเงินเท่าใด ต้องรอผลการชันสูตรประกอบการพิจารณาของบริษัทประกัน 4) เงินคงเหลือในบัญชีธนาคารญี่ปุ่น จำนวน 176,868 เยน หรือประมาณ 38,910 บาท ซึ่งรวมกับค่าจ้างงวดสุดท้ายของเดือนธันวาคม 2567 ที่นายจ้างได้โอนให้แล้ว เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2567 จำนวน 175,940 เยน 5) สิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนงานไปทำงานในต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กรณีสมาชิกกองทุน ฯ เสียชีวิตในต่างประเทศ จะได้รับสิทธิประโยชน์เป็นเงินสงเคราะห์แบบเหมาจ่าย จำนวน 40,000 บาท
ในส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับร่างผู้เสียชีวิตนั้น ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.68) เวลาประมาณ 16.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ได้รับแจ้งผลการชันสูตรจากสถานีตำรวจฮิโรชิมาจูโอว่า ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ เนื่องจากสภาพศพที่ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่น่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายจนเสียชีวิต เนื่องจากไม่พบร่องรอยการถูกแทง ถูกทุบตี หรือรอยฟกช้ำ เลือดตกในร่างกาย และจากการทำ CT Scan ไม่พบร่องรอยกระดูกหักหรือแตกแต่อย่างใด หลังจากนี้ ตำรวจจะมอบเอกสารรายงานผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการให้แก่องค์กรดูแลนายกรณพัฒน์ฯ ตามแนวปฏิบัติ เพื่อองค์กรนำไปใช้ในการแจ้งการเสียชีวิตกับหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ ทั้งนี้ สำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น จะประสานกับสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ เพื่อดำเนินการมอบอำนาจในการยื่นเรื่องขอออกใบมรณะบัตรต่อไป.