Last updated: 21 ส.ค. 2565 | 617 จำนวนผู้เข้าชม |
ปกครองฯร่วมกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บุกจับ “ละอ่อนผับ”กลางเมืองแก่งคอย ใหญ่จริงเปิดโดยไร้ใบอนุญาต!!!หลังเที่ยงคืนคลุมผ้าใบพรางตาจนท.เตรียมเปิดผับลับ!! พบเด็กมั่วสุมเพียบ! เผยต้องเร่งกวดขัน หวั่นซ้ำรอย "เมาน์เทน บี"สัตหีบ
“ปฏิบัติการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”สืบเนื่องจากกรมการปกครอง ได้รับการประสานจาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ว่ามีสถานบันเทิงย่าน อ.แก่งคอย เปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่งเสียงดังรบกวน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังมีการปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบโดยนายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ นายอำเภอแก่งคอย นายพุฒิชาติ จันทอง ป้องกันจังหวัดสระบุรี นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ และนางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ทั้งนี้ชุดปฏิบัติการพิเศษฯได้ส่งสายลับเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าสถานบริการแห่งนี้ ไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ไม่มีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ ภายในร้านพบนักเที่ยววัยโจ๋เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยจะปิดให้บริการในเวลา 24.00 น. และจะมีการเปิดให้บริการในอีกโซนหนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณผับลับ! เมื่อถึงเวลาผับลับ!เปิด ทางร้านได้ทำการคลุมผ้าใบดำทั้งร้าน เพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีนักเที่ยววัยโจ๋ทำทีเดินออกไปหน้าร้าน คล้ายว่าสถานประกอบการดังกล่าวได้ปิดทำการแล้ว เมื่อถึงเวลา ผับลับเปิดกลุ่มนักเที่ยวซึ่งเป็นเด็กได้กลับเข้ามา และตรงไปยังทางเดินบริเวณสถานที่สำหรับสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นประตูทางเข้าผับลับ โดยปกติเส้นทางตรงนี้หากไม่สังเกตุจะไม่พบว่ามีประตูสำหรับเข้าไปในผับลับ! ต่อมาชุดสายลับจึงได้เข้าไปใช้บริการในโซนดังกล่าว พบมีการเล่นดนตรีสด และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก และทำการปิดให้บริการในเวลา 01.30 น. คืนวันที่ 21 ส.ค.เวลา 00.30 น.
จึงได้ทำการตรวจค้นจับกุมสถานประกอบการชื่อ “ละอ่อน” พบว่าในร้านมีการปล่อยปละละเลยให้มีนักเที่ยววัยโจ๋ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการ จำนวน 7 คน สอบถามพบว่าทางร้านไม่มีการตรวจสอบอายุของผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ จึงสามารถเข้ามาใช้บริการได้ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปกครองในพื้นที่ จ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้มงวดกวดขันให้สถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในวันนี้จึงไม่มีการเปิดโซนผับลับ!
จากการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าว มีการให้บริการในลักษณะเป็น “สถานบริการ” แต่ไม่พบว่ามีใบอนุญาตตั้ง สถานบริการ ตาม พ.ร.บ. สถานบริการ พ.ศ.2509 และภายในร้านพบนักเที่ยวเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 7 คน ซึ่งหนึ่งในนี้มีอายุต่ำสุดเพียง 17 ปี โดยเมื่อเข้าตรวจสอบในโซนผับลับ พบว่ามีการใช้อาคารสถานที่ผิดประเภท และอาจมีการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีช่องทางการหนีไฟ ไม่มีป้ายบอกทางหนีไฟ ไม่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่พบอุปกรณ์การถังดับเพลิง และประตูทางเข้า - ออก มีเพียงทางเดียว หากเกิดเพลิงไหม้ จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ อาจซ้ำรอยเมาน์เทน บี ที่สัตหีบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต,จำหน่ายสุราให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ,จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ,ความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ,ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ข้อ 4 (1)-(4) ทั้งนี้ อ.แก่งคอย จะเสนอผู้ว่าฯสระบุรี เพื่อออกคำสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี พร้อมทั้งประสาน อบต.ตาลเดี่ยวเข้าตรวจสอบอาคารสถานที่ดังกล่าว หากพบกระทำผิดกฎหมายจะให้มีการสั่งระงับการใช้อาคารต่อไป
ด้านนายรณรงค์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายให้เข้มงวดกวดขันสถานประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ไม่มีมาตรฐาน มีการปล่อยปละละเลยให้มีเด็กเข้ามาใช้บริการ หรือมีการฝ่าฝืนกฎหมายอื่นๆ หากพบว่ามีการร้องเรียนเข้ามายังกระทรวงมหาดไทย จะมีการตรวจสอบทุกแห่ง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะมีการดำเนินคดีกับสถานประกอบการทุกแห่งทั้งทางอาญา พร้อมทั้งเสนอให้ผู้ว่าฯปิดสถานประกอบการดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 ปี ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด.
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ...กรมการปกครอง.