Last updated: 11 มิ.ย. 2565 | 573 จำนวนผู้เข้าชม |
ปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกเข้าจู่โจมจับสถานบันเทิงเถื่อน ย่านปทุมวัน ตั้งอยู่ติดรั้วโรงเรียน เปิดยันเช้า-มั่วสุมเสพยา เตรียมชง สตช.สั่งปิดตลอดกาล
วันที่ 11 มิ.ย.นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมด้วย พลตรี นรินทรักษ์ เชษฐศิริ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร และนางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในฐานะ ศอ.กต. นำกำลังบูรณาการบุกจับกุมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมาย
เปิดปฏิบัติการตรวจค้น-จับกุมผับชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุง สืบเนื่องจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ได้รับร้องเรียนว่าสถานบันเทิงดังกล่าว ฝ่าฝืนกฎหมายโดยเปิดสถานบริการภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งปิด 5 ปี โดยเปิดผับถึงรุ่งเช้าของทุกคืน ตลอดจนมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว และเมียนมาร์ ซึ่งคาดว่าเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จึงประสานการปฏิบัติกับกรมการปกครอง และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เข้าตรวจสอบตามที่ได้รับร้องเรียน
โดยก่อนเข้าจับกุมได้ส่งพนักงานฝ่ายปกครองแฝงตัวเป็นสายลับ เข้าสืบสวนที่สถานบันเทิงดังกล่าวเป็นเวลาหลายครั้ง พบว่ามีที่ตั้งอยู่ติดกับอาคารเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นผับที่ไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 โดยเปิดให้บริการตลอดคืนจนถึงเวลา 6 โมงเช้าของทุกวัน ซึ่งเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด สายลับพบนักเที่ยวกว่า 500 คน ยืนดื่มกินเต้นไปตามจังหวะเสียงดนตรีและแสงสีภายในผับอย่างสนุกสนานในลักษณะมึนเมา นอกจากนี้ยังพบเห็นว่ามีการจำหน่าย และเสพยาเสพติดภายในบริเวณผับอย่างโจ่งแจ้ง
กระทั่งเวลา 02.30 น. วันที่ 11 มิ.ย.เมื่อสายลับรวบรวมข้อมูลหลักฐานชัดเจนแล้วจึงส่งสัญญาณเปิดปฏิบัติการจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที เมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับพบเป็นห้องทึบ เปิดเพลงเสียงดังสนั่น แสงไฟเลเซอร์วิบวับ พบนักเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จำนวนกว่า 500 คน กำลังมั่วสุ่มดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามันส์ ทั้งยังสูบบุหรี่พ่นควันคละคลุ้ง พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ภายในผับได้เกิดความโกลาหล นักเที่ยวหลายคนต่างโยนยาเสพติดทิ้งออกจากตัว และพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ พนักงานฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
จากการเข้าตรวจสอบพบว่าตั้งอยู่ในสถานที่เดียวกับสถานที่ซึ่งเคยถูกคำสั่งปิด 5 ปีมาก่อนแล้ว (เคยถูกคำสั่งปิด 5 ปี เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2561) โดยไม่พบใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการแต่อย่างใด พบยาเสพติดตกกระจายเกลื่อนพื้น มีลักษณะเป็นผงสีขาว คาดว่าเป็นเคตามีน โดยพบนักเที่ยวจำนวนกว่า 500 คน พบผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 5 คน พบนักเที่ยวไม่พกบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 26 คน จึงทำการดำเนินคดีกับนักเที่ยวโดยเปรียบเทียบปรับ จากนั้นนำตัวนักเที่ยวทั้งหมดตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้นพบมีนักเที่ยวปัสสาวะสีม่วง จำนวน 18 คน ในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 19 ปี กำลังตั้งครรภ์และพบสารเสพติดในร่างกายด้วย
เบื้องต้นพนักงานฝ่ายปกครองได้จับกุมตัวเจ้าของร้าน และร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิด ดังนี้ (1) ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.โดยเปิดสถานบริการภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งปิด 5 ปี
(2) เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต (3) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ (4) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ไปตรวจจับสถานบันเทิงในที่ต่างๆ จะมีคำสั่งปิดสถานประกอบการเป็นเวลา 5 ปีเสมอ ซึ่งปฏิบัติการในวันนี้พบว่าสถานบันเทิงดังกล่าวมีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยชัดแจ้ง และตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา จากนี้พนักงานฝ่ายปกครองจะได้เสนอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งปิดสถานที่แห่งนี้อย่างถาวร ตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 และจะได้ประสานกับทางกรุงเทพมหานคร ให้ตรวจสอบการใช้อาคารผิดประเภทตามกฎหมายควบคุมอาคารด้วย
อยากฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการสถานบันเทิง ควรประกอบธุรกิจด้วยความมีจิตสํานึกรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 และคำสั่ง คสช.ที่ 46/2559 ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการสถานบริการหรือสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ กระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ (1) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ (2) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
(3) เปิดทําการเกินกว่าเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ (4) ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่ากําหนดเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ (5) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปในสถานที่ของตน (6) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทําความผิดฐานค้ามนุษย์ ในสถานที่ของตน(7) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการเล่นการพนันในสถานที่ของตน (8) มีที่ตั้งบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา หรือหอพักในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา
"สรุปให้จำง่ายๆ “ห้ามเด็ก การพนัน ค้ามนุษย์ อาวุธ ยาเสพติด ปิดเกินเวลา ตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษา ถูกจับแล้วโดนปิดแน่นอน” จึงควรประกอบกิจการโดยมีจิตสํานึกรับผิดชอบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ไม่ฝ่าฝืนข้อห้ามข้างต้น".
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ....กรมการปกครอง.